ระบำ “แคนแคน” # 9-06

ระบำ “แคนแคน”
มื้อนี้ขอออกนอกลู่นอกทาง ออกไปจากวัตถุประสงค์ของคอลัมน์สักหน่อย เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ทิ้งท้ายไว้เรื่องระบำแคนแคนที่ว่านี้ จึงเป็นการสมควรที่จะต้องกล่าวถึงตามที่ได้เกริ่นไว้แล้วนั้น
ระบำแคนแคนคือระบำโป๊ของชาติฝรั่งเศสซึ่งมีมานมนานกาเลแล้ว และก็ยังเป็นที่นิยมกันเรื่อยมาตราบถึงเท่าทุกวันนี้อย่างที่จะไม่มีวันเสื่อมคลายลงไปได้เลย เพราะความที่เป็นระบำโป๊แสดงโดยสาวรูปร่างเพรียว ๆ ขาขาว ๆ สวย ๆ เข้าแถวเรียงกันสลอนบนเวที นุ่งห่มลักษณะบีกีนี่ แต่ท่อนล่างเป็นกระโปรงสั้นคล้ายที่นักเรียนหญิงสวมใส่ตอนนำกองเชียร์ ส่วนจะมีมากตัวหรือน้อยตัวระบำแค่ไหนนั้นย่อมสุดแต่ว่าจะเป็นโรงละครใหญ่หรือเล็กตามอัธยาศัยของแต่ละเมืองไป
โดยปกติแล้ว ระบำแคนแคนจะใช้เป็นรายการโหมโรงเพื่อเริ่มการแสดงชุดต่อ ๆ ไปบนเวทีในโรงละครหรือในไน้ท์คลับใหญ่ ๆ อย่างเช่นที่ Lido และ Moulin Rouge ในนครปารีส ประเทศฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าของต้นตำหรับ และผู้เขียนเข้าใจว่าที่ ลาส เวกัส ในอเมริกานี่เอง จะต้องมีให้ชมได้ตามโรงแรมใหญ่ ๆ สักแห่งหนึ่งแน่ ๆ แต่สนนราคาย่อมต้องแพงสักหน่อยแน่นอน เพราะได้ยินมาว่าทางโรงแรมเขาอิมปอรต์สาว ๆ พันธุ์แท้โดยตรงจากประเทศฝรั่งเศสมาแสดงเพื่อศักดิ์ศรีของโรงแรมของเขาจะได้สูงส่งยิ่ง ๆ ขึ้นไป
นางระบำทุกตัวจะเต้น ยกขา ยกแข้ง อย่างพร้อมเพรียงกันเพราะได้ฝึกฝนกันเป็นอย่างดีมาแล้ว เขาจะเต้นเข้ากับจังหวะดนตรีซึ่งย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้ดนตรีจริงแบบ “ออร์เคสตร้า” วงใหญ่ซึ่งมีพร้อมด้วยเครื่องดีด สี ตี และเป่า และบรรเลงเพลงในจังหวะที่เร้าใจ พวกนางระบำจะพากันเต้นไปทางซ้าย ย้ายไปทางขวา เลี้ยวหน้า เลี้ยวหลัง และตอนหนึ่งในการเต้นนั้นก็จะพร้อมกันหันหลังเข้าหาคนดูเสียก่อน แล้วเปิดกระโปรงขึ้นพร้อม ๆ กันโชว์ก้นขาว ๆ ของพวกหล่อน ซึ่งตอนนี้หละครับเป็นตอนที่สนุกสุดยอดของระบำ “แคน แคน” นั่นแล
ระบำแคนแคนนั้นกล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในบรรดาของดี ๆ ที่ชาวฝรั่งเศสมีไว้เพื่อบำรุงบำเรอพวกของเขาเองและประชาโลกทั่วไปที่ชอบสนุกสนานจะเข้าร่วมรับการบันเทิงด้วยก็ไม่ว่ากัน ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ฝรั่งเศสเขายังดังเป็นหนึ่งไม่มีสอง ในทางเครื่องดื่มน้ำเมาประเภท ไวน์ แชมเปญ และเหล้าหลังอาหารรวมทั้งบรั่นดีราคาขวดละเป็นร้อยดอลล์ อีกทั้งอาหารคาวหวานอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน สนุกของพวกเขาละครับ
ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศมหาอำนาจหนึ่งทางด้านทวีปยุโรป แม้ในปัจจุบันไม่จัดอันดับให้เป็นประเทศอภิมหาอำนาจเทียบเท่าสหรัฐอเมริกาก็ตาม แต่ในอดีตก่อนสงครามโลกครั้งที่สองนั้นก็เป็น “ตักกสิลา” โด่งดังสำหรับคนไทยระดับเจ้าขุนมูลนายพากันส่งบุตรหลานไปเล่าเรียนเพื่อจะได้กลับมาเป็นใหญ่เป็นโตในวันข้างหน้า ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ก็เป็นหนึ่งที่เล่าเรียนศึกษอบรมด้านกฎหมายและการเมือง และได้รับปริญญาสูงสุดทางด้านนี้จากนครปารีสมาด้วยเหมือนกัน
ประเทศฝรั่งเศสได้รับการเสียหายมากในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และคงจะประกอบด้วยเรื่องภาษาของเขาซึ่งยากสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ผู้คุ้นกับภาษาอังกฤษในลักษณะเป็นภาษาที่สอง ดังนั้นเมื่อหลังจากที่สงครามทางยุโรปและเอเชียสงบลงแล้ว คนไทยก็นิยมที่จะหันไปทางอเมริกาเพื่อการศึกษา และอะไรต่อมิอะไรมากกว่า
ในปัจจุบันนี้ ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งในท่ามกลางหลาย ๆ ประเทศของชนชาติผิวขาว ซึ่งรวมทั้งฝรั่งขาวในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย กำลังประสบปัญหาใหญ่หลวงซึ่งทำท่าว่าจะลุกลามจนสุดความสามารถของผู้นำโลกไม่ว่าใคร หรือหน้าไหน จะสามารถแก้ไขได้เสียด้วย ผมขอยกประเด็นนี้ไปต่อในสัปดาห์หน้า

ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~`

No comments:

Post a Comment