สำนวนอเมริกันในหมวดอักษร “C” (ต่อ) # 33-06

สำนวนอเมริกันในหมวดอักษร “C” (ต่อ)
สำนวนในภาษาอังกฤษเดิมและในภาษาอเมริกันปัจจุบันซึ่งใช้คำว่า “Catch” และยังเป็นที่นิยมใช้กันอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนวนที่น่าเรียนรู้ทำความเข้าใจเผื่อไว้ว่าถ้าเราได้ยินได้ฟังใครเขาใช้พูดจากับเรา หรือรู้จักไว้เพื่อใช้ในการสนทนาภาษาอังกฤษกับคนต่างชาติบ้างก็ยังไหวนั้น เท่าที่ยังมีเหลืออยู่ ก็เช่นว่า
“To catch someone with their pants down.” แปลกันตรงไปตรงมาก็เป็นว่า “ไปเจอหรือไป “จ๊ะเอ๋” ใครเข้าตอนที่เขาคนนั้นกำลังที่ยังนุ่งกางเกงไม่เสร็จหรือกำลังโป๊อยู่” แต่ในเมื่อใช้ส่วนของประโยคนี้เป็นสำนวนก็หมายความว่าเกิดเหตุการณ์ที่ผู้นั้นยังไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว หรือไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์ที่มิได้คาดถึงนั้นมาก่อน และในภาษาอังกฤษเขาก็อธิบายความหมายไว้ว่า “To arrive or do something when somebody is not expecting it and not ready, especially when they are in an embarrassing situation.” เราใช้สำนวนนี้ในประโยค เช่น -
“When the weather turned hot in May, the drive-in restaurant was caught with its pants down, and ran out of ice cream before noon.” คือเมื่อตอนที่อากาศเกิดร้อนจัดขึ้นมาในเดือนพฤษภาคมนั้น ภัตตาคารซึ่งบริการลูกค้าขับรถเข้ามาจอดซื้อนั้นก็เกิดขลุกขลักต้อนรับลูกค้าไม่ไหว เพราะได้ขายไอสกรีมหมดเกลี้ยงไปเสียก่อนตั้งแต่ยังไม่ถึงเที่ยงวันเลย
อนึ่ง สำนวนนี้ บางครั้งก็ใช้คำว่า “Trousers” แทนคำว่า “Pants” ก็มี และนอกจากนั้นแล้ว ในภาษาอังกฤษนั้น ทั้ง ๆ ที่โดยหลักการย่อมถือกันว่าต้องใช้ถ้อยคำและไวยากรณ์ที่ถูกต้องเป็นสำคัญ แต่แม้กระนั้น ความนิยมใช้ถ้อยคำในภาษาสแลงก็มีอิทธิพลมากจนถึงกับการใช้ถ้อยคำผิด ๆ นั้นกลายเป็นถูกและเป็นที่ยอมรับกันไปได้ ดั่งเช่นในประโยคว่า “Someone is caught with their pants or their trousers down.” ซึ่งเมื่อวิเคราะห์กันแล้ว ท่านอาจสะดุดใจที่ว่า เมื่อประโยคนี้นำหน้าด้วยคำว่า “Someone” ซึ่งถือว่าเป็นเอกพจน์และหมายถึงบุคคลเพียงคนเดียว แต่ในความนิยมของพวกฝรั่งเขากลับไปใช้คำว่า “their” ซึ่งหมายถึงคนหลายคนและน่าที่จะใช้คำว่า “his or her pants down” เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าท่านพบหรือประสบคำพูดเช่นว่า “Everybody looks for income from their investments.” ซึ่งน่าที่จะใช้คำว่า “His” หรือ “Her investments” ซึ่งมีความหมายเป็นเอกพจน์ แต่ในเมื่อเจ้าของภาษาเขานิยมว่ากันเช่นนั้น ไอ้ที่ผิดก็กลายเป็นถูกอย่างน่าเสียดายที่ต่างคนก็ต่างพยายามเล่าเรียนกันมาแล้วไร้ประโยชน์
การเรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาเก่าแก่มีประวัติอันสามารถอ้างอิงย้อนหลังได้นับเป็นพัน ๆ ปีแล้วนั้น ยิ่งเรียนกันให้ลึกซึ้งอย่างจริงจังก็เปรียบได้เสมอเหมือนออกท่อง “มหาสมุทรอันลึกล้ำเหลือกำหนด” และอาจเป็นเรื่องที่สามารถโต้เถียงกันโดยไม่มีวันรู้จบว่า เรื่องของภาษานั้นอยู่ในด้าน “ศิลป์” หรือ “ศาสตร์” ทั้ง ๆ ที่เราก็ได้ยินคำว่า “ภาษาศาสตร์” กันอยู่เป็นประจำ แต่เรื่องของภาษานั้นไม่มีหลักที่แน่นอนตายตัวทำนอง “สองบวกสองต้องเป็นสี่” และเราก็มีโคลงถือเป็นสุภาษิตสอนใจอยู่ที่ว่า
“ปากเป็นเอก เลขเป็นโท โบราณว่า
หนังสือตรี มีปัญญา ไม่เสียหาย
มีวิชา ไม่มีปาก ลำบากตาย
มีอุบาย พูดไม่เป็น เห็นป่วยการ”

คารม-คม-ระคาย (Quips & quotes)
• There should be music in every home -- except the one next door. ทุกบ้านช่องห้องหอนั้น น่ามีเสียงเพลงคอยกล่อมอารมณ์อยู่เป็นประจำ -- ยกเว้นแต่เพียงไอ้บ้านที่อยู่ติดกับบ้านเราเท่านั้นเอง
• The tongues of some folks are like a friendly dog’s tail -- always wagging. ลิ้นของคนบางคนนั้นเปรียบได้เสมือนหางหมาที่แสดงท่าเป็นมิตร คือมันกระดิกอยู่ตลอดไม่สร่างซาเอาเสียเลย
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข

No comments:

Post a Comment