Get down to business # 28-05

สัปดาห์ก่อนเราได้มาถึงคำในภาษาอังกฤษที่ว่า “Business” หรือ “บีช’ ซิเนส” อันเป็นคำที่เราท่านรู้จักกันดีอยู่ก่อนแล้วว่าแปลว่า “ธุรกิจ” และคอลัมน์นี้ได้แนะนำการใช้คำนี้ไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายสำนวนซึ่งผู้แนะนำเชื่อว่าคงจะสามารถให้ประโยชน์เฉพาะหน้าแก่ท่านผู้อ่านที่ได้ติดตามคอลัมน์นี้อีกได้พอสมควร ไม่ต้องพูดถึงว่าบางท่านก็อาจนำไปใช้ให้มันหยดติ๋ง ๆได้ตามกาละและเทศะที่ถูกที่ควรต่อไป
“Get down to business” ซึ่งแปลว่า “ให้เรามาว่าเรื่องงานการ หรือให้เรามาลงมือทำงานทำการกันเสียที” และเราสามารถนำไปใช้หลังจากที่กลุ่มเราได้ใช้เวลาหมดไปในเรื่องการทักทายปราศรัย หรืออย่างที่เราเรียกว่า “ปฏิสันถาร” ถามสารทุกข์สุกดิบจนหมดเวลาไปพอสมควร และถึงตอนที่จำเป็นต้องว่ากันเรื่องงานการได้แล้ว
Get down to business = start the work that must be done. และคำพูดนี้สมควรนำมาใช้ถ้าท่านเป็นผู้นำกลุ่มหรือเป็นหัวหน้างานโดยกล่าวว่า “OK หรือ C’mon หรือ Come on, let us get down to business.” ซึ่งแปลว่า “เอาล่ะ ให้เรามาว่าเรื่องงานการกันได้แล้ว” แต่ถ้าท่านเข้าอยู่ในกลุ่มเพียงฐานะตัวประกอบหรือพระอันดับ ก็ควรสงวนท่าทีไว้ก่อนจะดีกว่า มิฉะนั้นท่านอาจโดนค้อนเอาก็ได้
“Go about one’s business” ซึ่งแปลว่าต่างคนก็ต่างไปทำธุรกิจการงานหรือทำงานทำการของตนไป
Go about one’s business = occupy one’s self with one’s own affairs. สำนวนนี้สามารถนำไปใช้ในประโยคตัวอย่างเช่น “Most streets in Downtown LA are usually filled with people going about their daily business.” คือ ตามปกติแล้ว ท้องถนนแทบทุกแห่งในย่านดาวน์ทาวน์แอล.เอ. มักจะเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างไปทำธุรกิจประจำวันของตนกันทั้งนั้น” ขอให้สังเกตว่าวลีนี้มีความสำคัญอยู่ที่คำว่า “Go about.”
“Go out of business.” แปลว่า ทำมาค้าขายแล้วหมดตัว ขาดทุนยุบยับ หรือเจ๊งนั่นเอง = Become bankrupt!
“I mean business!” = I am serious! เมื่อใดที่ท่านได้ยินใครกล่าวคำนี้ขึ้นมาซึ่งแปลว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ น๊ะ อั๊วเอาจริง ๆ โว้ย” ก็ต้องระวังตัวกันหน่อย หรือไม่ก็ “ตัวใครตัวมัน” ก็แล้วกัน เพราะมันอาจเป็นคำตะคอกของไอ้โจรที่เข้ามาปล้นและกำลังยกปืนขึ้นมาขู่เพื่อเอาเงินของท่านแล้วก็ได้

คารม-คม-ระคาย (Quips & quotes)
 Many divorces are caused by the marriage of two people who are in love with themselves. การหย่าร้างกันมากต่อมากรายมีสาเหตุเนื่องมาจากการร่วมหอลงโรงของคู่ที่เอาแต่รักตัวเองเพียงฝ่ายเดียวเสียละมากกว่า
 Knowing what is none of your business is just as important as knowing what is. การที่พึงรู้ว่าอะไรมิใช่กงมิใช่การของท่านนั้น ย่อมมีความสำคัญเสมอเหมือนกับการที่จะต้องรู้ว่าอะไรเป็นเรื่องของท่านเองโดยแท้

ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข

No comments:

Post a Comment