Burn one’s fingers # 23-05

“Burn one’s fingers” แปลตรงตัวก็เป็นว่า “ได้เอานิ้วไปโดนไฟลวกเข้าแล้ว” แต่วลีนี้เป็นอีกสำนวนหนึ่งซึ่งหมายความว่า ได้ไปพลาดท่าทำอะไรที่รุ่มร่ามเข้าสักอย่างจนทำให้ตนต้องปวดกระโหลกก็เลยเข็ดขยาดไม่กล้ากระทำการเช่นนั้นอีก (To get into trouble doing something and fear to do it again; learn caution through an unpleasant experience.)
เราอาจใช้สำนวนนี้ได้ในความหมายเช่น “John got his fingers badly burnt dabbling in the stock-market once, and didn’t want to try again” คือ อีตาจอห์นเล่นหุ้นเสียจนกระทั่งพลาดท่าอย่างแสบทรวงไปแล้วก็เลยเข็ดขยาดไม่กล้าที่จะลองเสี่ยงดวงซ้ำอีก หรืออย่างในประโยคเช่น “Some people cannot be told, they have to burn their fingers to learn.” คือ คนบางคนนั้นไม่ชอบให้สอน แต่ต้องปล่อยให้เขาไปพลาดท่าเข้าด้วยตัวเองเสียก่อนถึงจะลู่ซึก
สำนวนที่ใช้คำว่า To burn อีกวลีหนึ่งก็คือ “Burn the candle at both ends “ แปลตรงตัวว่า “เผาแท่งเทียนมันทั้งหัวท้าย คือจุดไฟเข้าที่ปลายเทียนทั้งสองข้างเลย” แต่เมื่อเป็นสำนวนแล้วหมายความว่า โหมการทำงานหรือการละเล่นอะไรก็ตามหนักข้อเกินไป หรือ ทำจนเกินไปไม่มีเวลาพักผ่อนที่พอเพียง = To work or play too hard without enough rest; get too tired. ทั้งนี้เราสามารถนำสำนวนนี้ไปใช้ในประโยคตัวอย่างเช่น “Smith worked hard every day as a lawyer and went to parties and dances every night; he was burning the candle at both ends.” คือนายสมิธในฐานะที่เป็นทนายความก็ทำงานหนักทุก ๆ วัน และมิหนำยังไปงานปาร์ตี้และออกเต้นรำทุกคืน เช่นนี้เป็นการเร่งรัดตัวเองหนักจนเกินไปเสียแล้ว (นั่นหมายความว่าเขาเสี่ยงต่อการที่จะต้องล้มพับเข้าสักวันหนึ่งแน่นอน)
วันนี้ขอให้เราได้ทำความรู้จักกับสำนวนอังกฤษอีกสำนวนหนึ่งคือ “Burn the midnight oil” ซึ่งแปลตรงตัวก็เป็นว่า “เผาน้ำมันกลางดึก” แต่เป็นสำนวนซึ่งหมายความว่า ตั้งหน้าตั้งตาดูหนังสือเรียนจนดึกดื่นหรือหามรุ่งหามค่ำ = To study late at night. ตัวอย่างการใช้ให้เป็นประโยคก็เช่นว่า “Exam time is near; more and more students are burning the midnight oil.” คือ เมื่อจวนเวลาสอบไล่เข้าไปแล้ว นักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันตั้งตาดูหนังสือหนังหากันอย่างหามรุ่งหามค่ำกันเลยทีเดียว
ก่อนที่จะยุติคอลัมน์ประจำสัปดาห์นี้ลง ผู้เขียนอยากขอแนะนำอีกด้วยว่า การเรียนภาษาต่างประเทศซึ่ง ณ ที่นี้เป็นภาษาอังกฤษอเมริกันนั้น ลำพังแต่ที่จะพยายามจดจำเพียงลูกเดียวนั้นหาพอไม่ ท่านควรต้องพยายามฝึกฝนนำไปใช้พูดอย่างถูกต้องคล่องปากอีกด้วย ให้เข้าทำนองสุภาษิตอังกฤษที่ว่า “Practice makes perfect.” (แพรค’ทิส เมคส เพอ’ เฟคท) คือการฝึกฝนย่อมนำไปสู่ความสมบูรณ์แบบนั่นแล
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข

No comments:

Post a Comment